จาก ไปเมืองไทยเดือนกว่าๆ คิดถึง Student Blog มากมาย กลับมาคราวนี้ มาพร้อมเรื่องราวของข่าวลือ และการเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับโรงเรียนที่ติด Blacklist กับการเปลี่ยนวีซ่า Change of Status มาเล่าให้ฟังค่ะ
เริ่ม จากเรื่องโรงเรียนสอนภาษาก่อนเลยค่ะ อย่างที่รู้กันสำหรับนักเรียนไทย ส่วนใหญ่จะมาเรียนโดยการเริ่มต้นจากการเรียนภาษาก่อน ซึ่งวิธีการที่จะได้มาซึ่งโรงเรียนสอนภาษานั้นก็มีอยู่หลายวิธี ที่รู้ๆ กันก็
1. เอเจนซี่ หรือ สถาบันแนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ วิธีการนี้ก็เป็นทางลัดอย่างนึงที่เค้าจะบอกเราหมดเลยว่าต้องทำยังไง บ้าง เตรียมอะไรบ้าง พร้อมแนะนำการขอวีซ่า (แต่ไม่รับประกันผ่านนะจ๊ะ) ซึ่งหลายๆ คนก็คิดว่าแหม ทำเองก็ได้ ทำไมต้องไปเสียเงินให้เอเจนฯ อันนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อนค่ะว่า เอเจนฯ ส่วนใหญ่ได้ค่าคอมฯ จากโรงเรียน ดังนั้นก็ไม่ต้องสงสัยว่าเค้าจะได้อะไร (เพราะบางเอเจนฯ โฆษณาว่าไม่เสียค่าดำเนินการ) เอาเป็นว่าถ้าสบายใจจะได้คนแนะนำไม่ต้องเสียเวลาหาข้อมูลเองก็ใช้เอเจนฯ ได้ค่ะ ไม่เสียหลายอะไร
2. หาเอง โดยค้นหาในอินเทอร์เน็ต แล้วก็สมัครเอง จ่ายเงินค่าสมัครแล้วก็รอ I-20 อยู่ที่บ้าน เมื่อได้ I-20 แล้วก็นำไปยื่นประกอบกับเอกสารอื่นๆ ขอวีซ่า วิธีก็ง่ายๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเลย ไม่มีข้อมูลอะไรเลยจะยากนิดนึง ตรงที่ต้องค่อยๆ หา ค่อยๆ อ่าน แล้วก็เตรียมเอกสารเองสำหรับขอวีซ่า (จริงๆ ก็ไม่ยาก ทุกอย่างมีบอกในเว็บฯ ทั้งหมดน่ะแหละ ถ้าไม่ขี้เกียจก็ง่ายจะตาย 555)
ทีนี้ความเข้าใจผิดส่วนใหญ่ก็มาจากการหาเองนี่แหละ คือมันมีข่าวลือไงคะ เช่นอย่าไปโรงเรียนนี้ นั้น นะ เพราะติด Blacklist บวกกับความเชื่อง่ายก็นะ ไม่เอาๆ โรงเรียนนี้ไม่เอา ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียน Language Systems International College of English: LSI (ขอยกตัวอย่างโรงเรียนที่เก๋ทำงานอยู่ละกัน...ง่ายดี) อันนี้เจอมากับตัวเองเลย
สมัยที่เก๋หาโรงเรียนเพื่อขอ I-20 มาเรียน ก็เวียนหาข้อมูลเอง ตามเว็บฯ ต่างๆ แล้วก็เจอ LSI ซึ่งราคาค่าเรียนแสนถูก แต่มีข่าวลือบอกว่าติด Blacklist ก็เข้าไปดูในเว็บของ Immigration แต่ก็ไม่เห็นชื่อของ LSI ใน Blacklist แต่ ก็นะมีข่าวมาแบบนี้เราก็ไม่กล้าสิ ก็เลยจำยอมไปลง UCLA ซึ่งแพงแสนแพง (แต่คุณภาพมาก) จนกระทั่งมาถึงอเมริกาฯ เรียนไปก็นะไม่ไหว UCLA แพง ต้องหาโรงเรียนที่ถูกกว่านี้ ในใจก็ยังคิดถึง LSI แต่ก็ยังไม่กล้า เพราะข่าวลือไง ไปลงที่อื่นละกัน สรุป...ผิดหวังเพราะคุณภาพการสอนไม่ได้เลย เรียนที่เมืองไทยยังดีกว่าซะอีก สุดท้ายมีความจำเป็นต้องมาย้ายมาที่ LSI ก็มาคุยกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับที่เราไม่แน่ใจว่าติด Blacklist หรือป่าว เค้าก็บอกว่าไม่จริง โรงเรียนไม่ได้ติด Blacklist แต่นะคุณทำงานที่นี่คุณก็ต้องว่าไม่ติดสิ (แน่ะ ยังมั่นใจในข่าวลือ) แต่นาทีนั้นมันต้องเสี่ยงแล้วล่ะเพราะจำเป็นจริงๆ
จนกระทั่งมาเรียน อ้าวเฮ้ย...สอนดีนิ ประทับใจมาก เรียนอยู่เดือนนึง ก็พอดีเค้ารับสมัคร Thai Speaker เพื่อทำงาน เลยได้มาทำ พอทำงานก็ได้แจ้งล่ะว่า LSI ไม่ได้ติด Blacklist เพียงแต่มีบางช่วงที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับการตระเวนปิดโรงเรียนสอนภาษาที่เปิด ทำธุรกิจบังหน้า ขาย I-20 เฉยๆ เลยโดนเข้าใจผิดไปด้วย เชื่อไหมว่าทุกวันนี้แม้กระทั่งน้องๆ ที่เรียนที่ LSI ก็ยังไม่มั่นใจ จะกลับเมืองไทยทีก็วิ่งมาถามล่ะว่า “พี่คะหนูจะกลับเมืองไทย แล้วพอกลับมาจะมีปัญหาไหมคะ” โห...ต้องคุยกันยาวเลย เพราะมันมีหลายกรณีที่จะโดนกักตอนขากลับเข้ามา แต่ถ้าเพราะ Blacklist น่ะไม่ใช่แน่ๆ
สำหรับที่ LSI นับว่าเป็นโรงเรียนที่มีมาตรฐานการสอน มีหลายหลักสูตรรองรับ ทั้ง ESL, TOEFL, TOEIC, GMAT-GRE and Business English ทุกโปรแกรมได้ผ่านการรับรองจาก Immigration เพื่อออก I-20 ได้ มี Classes ให้เลือกทั้งเช้า-บ่าย-เย็น เลือกเรียนตามเวลาที่สะดวก อ่อ...มีส่วนลดให้สำหรับนักเรียนที่จะ Transfer มากจากโรงเรียนอื่นด้วยค่ะ โทร.ถามได้ที่ 310-990-8092 นอกจากนี้มีบริการเปลี่ยนวีซ่า (Change of Status) สำหรับผู้ที่ถือวีซ่าประเภทอื่นเข้ามาแล้วอยากจะเปลี่ยนมาเป็นนักเรียนด้วยค่ะ อ่ะ...ว่าแล้วมาพูดถึงข่าวลือเรื่องที่ 2
ข่าวลือเกี่ยวกับการเปลี่ยนวีซ่า หรือ Change of Status : COS จริงๆ มันไม่ใช่การเปลี่ยนวีซ่า แต่มันคือการเปลี่ยนสถานะจากอื่นๆ เช่น B1 B2 J1 …เป็นต้น มาเป็น นักเรียน F1 ซึ่งจะทำเมื่อมาถึงอเมริกาแล้ว แต่ต้องทำก่อนที่วีซ่าหมดอายุ หรือก่อนระยะเวลาที่อิมฯ อนุญาต 2-1.5 เดือน อันนี้จะเล่าความโก๊ะของเก๋เพราะข่าวลือให้ฟัง คือว่า...เคยอ่านกระทู้เยอะแยะมากมายในพันทิป เกี่ยวกับการขอ COS แล้วเจอบอกว่า ไม่ได้แล้ว เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้ อ่ะ...ก็จำมาโดยตลอดว่าทำไม่ได้
จนกระทั่งมาทำงานที่ LSI ในวันฝึกงาน ผจก. ก็สอนงาน และพูดถึงนักเรียนที่ต้องการ COS เราก็ถามเลยสิ “ยังทำได้เหรอ เดี๋ยวนี้อิมฯ ไม่อนุญาตให้ทำแล้วไม่ใช่เหรอ” เพล้ง...หน้าแตกสิคะ ขอบอกว่ายังทำได้ค่ะ แต่มีข้อจำกัดที่เมื่อเปลี่ยนสถานะแล้วเมื่อไหร่ที่กลับประเทศจะต้องขอวีซ่า มาใหม่ (เลยเป็นที่ติดปากคนไทยว่า เปลี่ยนแล้วกลับเมืองไทยไม่ได้) ในความหมายก็คือ ทางอิมฯ รับรองสถานะการเป็นนักเรียนเฉพาะเมื่อคุณอยู่ในอเมริกาเท่านั้น เมื่อไหร่ ที่ออกนอกอเมริกาสถานภาพนักเรียนก็จบกันไป อยากมาใหม่ก็ไปขอวีซ่ามาให้ถูก ประเภทนั่นเอง
ทีนี้การขอ COS นั้นสามารถทำเองได้โดยการเข้าไปดูข้อมูลในเว็บไซต์ www.uscis.gov ดาวน์โหลดแบบฟอร์ม จ่ายค่าสมัครประมาณไม่เกิน $300, ขอ I-20 จากโรงเรียนที่ต้องการไปเรียน, ส่ง I-20 พร้อมเอกสารตามที่อิมฯ ต้องการไปทาง Mail แล้วก็รอจดหมายแจ้งจากอิมฯ ว่า ปฏิเสธ หรือ อนุมัติ
ทั้ง นี้ปรากฏว่าเคยมีบางคนโดนปฏิเสธกลับมาโดยทางอิมฯ แจ้งว่าต้องให้ทนายความเป็นคนยื่นเรื่องให้ แต่บางคนก็ไม่ต้อง ได้รับการอนุมัติโดยยื่นเรื่องเองก็มี อ่อ...อย่าถามว่าทำไมเพราะว่าไม่รู้ เหมือนกัน อิอิ...ทีนี้ถ้าต้องไปหาทนายก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสำหรับทนาย เท่าที่ทราบก็เริ่มต้นที่ $1000 - $1500 (รวมค่าสมัคร หรือไม่รวมก็แล้วแต่ทนาย สอบถามให้ชัดเจนละกัน)
สำหรับที่โรงเรียน LSI ก็มีทนายความของโรงเรียนให้บริการการขอ COS ให้ ทั้งนี้ปรึกษาฟรี แต่มีค่าดำเนินการ $1000 รวมค่าสมัคร โดยทางทนายจะจัดการทำเรื่องให้ทุกอย่างรวมถึงร่างจดหมายแจ้งเหตุผลการ เปลี่ยนสถานะด้วย อ่อ...ไม่รวมค่าขอ I-20 นะคะ ค่า I-20 ต้องจ่ายให้โรงเรียนค่ะ ซึ่งค่าเรียนจ่ายแค่มัดจำ หากถูกปฏิเสธก็ขอคืนได้
สิ่งที่ต้องรู้และทำใจอย่างนึงเมื่อใช้บริการของทนายความว่า ไม่รับประกันอนุมัติ ค่ะ รวมถึงไม่สามารถบอกได้ด้วยว่าต้องรอนานแค่ไหน บางคนเร็วหน่อยก็ไม่เกิน 3 เดือน แต่บางคนก็นานเป็นปี ยกตัวอย่างน้องเอ (นามสมมติ) เคยใช้ทนายที่อื่นยื่นเรื่องแล้วถูกปฏิเสธ แล้วก็มาขอให้ทนายที่ LSI ยื่นเรื่องใหม่ แต่ก็มีปัญหาเรื่องเอกสารโน่นนี่ รอจนผ่านไป 2 ปี ก็ยังไม่ทราบผล สุดท้ายแต่งงานได้ใบเขียวไปละ ส่วน น้องบี (นามสมมติ) ใช้บริการทนายที่ LSI เหมือนกัน แต่ต้องยื่นเรื่องถึง 3 ครั้ง 2 ครั้งแรกโดนปฏิเสธ ได้รับอนุมัติในครั้งที่ 3 รวมระยะเวลา 1 ปีเต็ม สำหรับน้องซี (นามสมมติ) โชคดีสุด 2 เดือนอนุมัติในการยื่นเรื่องครั้งแรกเลย เอาเป็นว่ามันไม่แน่นอน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการพิจารณาของอิมฯ สิ่งที่สบายใจได้ก็คือ ระหว่างรอพิจารณา เราอยู่ในอเมริกาได้อย่างถูกกฎหมาย ถึงแม้วีซ่าจะหมดไปแล้วก็ตาม
เอา ล่ะหวังว่าคงหายข้องใจกับข่าวลือทั้ง 2 ไปแล้วนะคะ ถ้าใครมีคำถาม หรือต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับโรงเรียน LSI และการเปลี่ยนสถานะ Change of Status ก็โทร.มาสอบถามเก๋ได้ที่ มือถือ 310-990-8092 หรือเบอร์ที่โรงเรียน 213-385-3665 หรืออีเมล์ peena@languagesystems.com , peena.kay@gmail.com